วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ประวัติวัดสุทธาโภชน์

ประวัติของวัดสุทธาโภชน์ 



           หากจะเล่าถึงก็คงต้องเอ่ยนามของ "เจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่น" หรือเจ้าจอมมารดากลิ่น ผู้ซึ่งมีความสำคัญต่อวัดสุทธาโภชน์เป็นอย่างมาก เจ้าจอมมารดากลิ่นผู้นี้เป็นพระสนมเอกในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และยังมีเชื้อสายมอญเต็มตัว โดยท่านเป็นเป็นธิดาของพระยาดำรงค์ราชพลขันธ์ (จุ้ย คชเสนี) และเป็นหลานปู่ของเจ้าพระยามหาโยธารามัญราช (ทอเรียะหรือชื่อไทยว่าทองชื่น) เจ้าพระยามหาโยธา (ทอเรียะ) เป็นบุตรชายของ เจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง) ซึ่งเป็นมอญอพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารแต่ครั้งกรุงธนบุรี เมื่อเจ้าจอมมารดากลิ่นได้ถวายบังคมลาออกจากพระบรมมหาราชวังมาอยู่กับพระโอรสภายนอก ท่านก็ชอบเดินทางไปตามหัวเมืองเพื่อพักผ่อนสูดอากาศบริสุทธิ์อยู่เนืองๆ รวมถึงย่านลาดกระบังนี้ด้วย และด้วยความเป็นผู้ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เจ้าจอมมารดากลิ่นจึงมาทำบุญไหว้พระที่วัดสุทธาโภชน์ หรือเดิมชื่อวัดสุทธาวาสอยู่บ่อยครั้ง แต่ในหน้าแล้งน้ำในคลองแห้งจนไม่สามารถพายเรือเข้ามาที่วัดได้ ท่านจึงมีดำริให้ย้ายวัดมาสร้างใหม่ในที่ดินของท่าน อยู่ริมคลองลำปลาทิวที่สามารถพายเรือไปมาได้สะดวกยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ชาวมอญได้มีสถานที่ทำบุญตามประเพณีอีกด้วย โดยทุกปีท่านจะร่วมกับชาวไทยและมอญจองกฐินที่วัดนี้ นอกจากนี้ยังได้ ปลูกสร้างตำหนักในบริเวณใกล้เคียงกับวัดอีก 7 หลัง ต่อมาเมื่อท่านถึงแก่อสัญกรรม ทายาทจึงได้ถวายที่ดินบริเวณนั้นแก่วัด

           ดังนั้นผู้ที่มาเยือนวัดสุทธาโภชน์ก็อย่าลืมมาสักการะอนุสาวรีย์เจ้าจอมมารดากลิ่นที่ซุ้มบุษบกหน้าอุโบสถกันเสียก่อน อนุสาวรีย์นี้ทำจากหินอ่อนแกะสลักเป็นรูปเจ้าจอมมารดากลิ่นครึ่งตัวในชุดแต่งกายประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตั้งอยู่เคียงข้างกับพระรูปหินอ่อนครึ่งตัวของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และบริเวณด้านข้างนั้นซุ้มบุษบกนั้นก็จะมีเรือมาดลำใหญ่อยู่ลำหนึ่งเป็นเรือของเจ้าจอมมารดากลิ่น เป็นเรือมาดสี่แจว คือต้องใช้ฝีพายสี่คนในการแจวเรือ โดยเรือมาดสี่แจวนี้ถือว่าเป็นเรือของคนใหญ่คนโต เพราะหากเป็นเรือของคนธรรมดาจะเป็นเรือเพียงสองแจว



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น